บทสัมภาษณ์ "เพลิง วัตสาร" ศิลปินสาขาจิตรกรรมไทยร่วมสมัย
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
คำว่า "ร่วมสมัย" หรือ "Contemporary" ฟังยังไง พูดยังไงก็ดูเก๋ ดูดี ดูมีคลาสตลอดเวลานะคะ เพราะเป็นการผสมผสานกลิ่นอายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกาลเวลา คือ อดีต ปัจจุบัน และเรื่องของค่านิยม ประเพณีวัฒธรรมต่าง ๆ ให้มาหลอมรวมอยู่ในผลงานของผู้สร้างสรรค์ ได้อย่างลงตัวสวยงาม ในปัจจุบันนี้เราจะเห็นคำว่า "ร่วมสมัย" แทบทุกวงการเลย ไม่ว่าจะเป็นวงการบันเทิง วงการแฟชั่น และที่ขาดไม่ได้ก็คือ วงการศิลปะ
และบทความในวันนี้ก็จะเป็นการสัมภาษณ์ ศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงาน "ร่วมสมัย" โดยเฉพาะ คือ "ศิลปะไทยร่วมสมัย" ศิลปินท่านนี้ได้คร่ำหวอดในแวดวงศิลปะมานานหลายปีเลยทีเดียว โดยเฉพาะในสายงานจิตรกรรม เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่วัยเด็ก จวบจนปัจจุบันก็ได้อุทิศตนให้กับงานศิลปะมาโดยตลอด ได้จัดแสดงผลงานเดี่ยวมาก็หลายครั้ง
ด้วยผลงานที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลงานของศิลปินท่านนี้ เป็นที่ชื่นชอบของนักสะสมภาพวาดหลาย ๆ ท่าน และได้จับจองไปเป็นเจ้าของ ตั้งแต่ได้เห็นผลงาน Drawing กันเลยทีเดียว ศิลปินท่านนี้ก็คือ คุณ เพลิง วัตสาร (วัด-ตะ-สาน) ค่ะ
Diary On Tour
สวัสดีค่ะพี่เพลิง ปูขออณุญาตเรียกพี่เพลิงนะคะ อายุห่างกันไม่เยอะ แต่ความสามารถโดยเฉพาะทางด้านศิลปะ ห่างกันเรียกว่าคนละโลกเลยค่ะ พี่เพลิงคะ ปูได้เกริ่นนำไปแล้วแหละว่าพี่เพลิงเป็นจิตรกร สร้างผลงานเยอะแยะมากมาย แต่อยากจะให้ผู้อ่านได้รู้จักกับพี่เพลิงมากขึ้น
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ชื่อเพลิง วัตสาร ครับ เป็นศิลปินอิสระ ตอนนี้เปิดสตูอิโดที่จังหวัดหนองบัวลำภู เพราะเกิดที่นี่ สตูดิโอชื่อว่า "Art Gallery หอศิลป์ เพลิง วัตสาร" ผมทำงานประจำที่นี่ที่เดียว แต่ก็มีบางครั้งที่ออกไปทำบุญ เขียนภาพตามวัดบ้างครับ
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
ไม่เคยไปทำที่อื่นเลยหรือคะตั้งแต่จบมา ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ไม่เลยครับ ทำที่บ้านเกิดที่นี่ที่เดียว ภาษาอีสานเรียกว่า "หม่องตัดสายแฮ" (หัวเราะ) หรือที่ตัดสายสะดือครับ
Diary On Tour
"หม่องตัดสายแฮ" เป็นภาษาถิ่นอีสานนะคะทุกคน วันนี้เราได้ความรู้กันด้วย ซึ่งแปลว่า "ที่ตัดสายสะดือ" ค่ะ (หัวเราะ)
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ใช่ครับที่ตัดสายสะดือ หมอตำแยเป็นคนทำคลอด หลังจากตัดสายสะดือแล้วเขาจะนำสะดือใส่ในหม้อ แล้วไปฝังในดิน อันนี้เป็นความเชื่อของชาวอีสานครับ นี่ตอนผมเกิดมาเกือบไม่รอดแล้วนะครับ เพราะแม่ก็อาการหนักเหมือนกัน โชคดีได้คุณตาแถวบ้านคว้ามีดมาตัดสายสะดือออกให้ผมถึงได้รอดมา เพราะทุกคนไปดูแม่กันหมดกลัวแม่จะเป็นอะไรไป ปรกติแล้วที่บ้านเวลาเขาตัดสายสะดือเด็กจะใช้ไม้ไผ่ตัด ไม่ใช้มีดเพราะมีดบางทีมีสนิมอาจมีเชื้อติดมาด้วยมั้งครับ ต้องขอบคุณคุณตาคนนั้นที่ช่วยชีวิตผมไว้ แถมแกขี้เมาด้วยนะ (หัวเราะ)
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
ความดีนี่ใคร ๆ ก็ทำได้จริง ๆ นะคะ แม้แต่คุณตาที่ขี้เมา ข้อคิดดี ๆ ทัศคติดี ๆ ก็เช่นกันทุกคนมีได้ เราสามารถเรียนรู้จากทุกคนทุกที่ได้ พี่เพลิงคะอาชีพที่พี่เพลิงทำอยู่ในแวดวงศิลปะเขาเรียกจิตรกรไหมคะ แตกต่างจากศิลปะแขนงอื่นยังไง ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
เรียกศิลปินในสาขาจิตรกรรมครับ แต่จริง ๆ จะมีประติมากรรมด้วย งานที่ทำเป็นศิลปะในแนวจิตรกรรม จะเน้นในส่วนของจิตรกรรมไทย ที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทย และงานจิตรกรรมร่วมสมัยด้วยครับ เพราะถ้าเป็นงานจิตรกรรมไทยส่วนมากจะเป็นงานที่้เขียนอยู่ตามผนังวัด รูปทรงก็จะเป็นมิติแบน ๆ ไม่มีความลึกความไกลอะไรแบบนี้ครับ พอมาถึงยุคนี้ก็มีการพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัย ในส่วนของเนื้อหางานที่ผมทำก็ไม่ได้เขียนเกี่ยวกับพุทธประวัติหรือเรื่องเล่าในชาดกอะไรแบบนี้นะ จะเป็นงานที่เรียกว่า อุปมาอุปมัยมากกว่า
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
จากที่พี่เพลิงเล่ามาว่าลักษณะงานมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เป็นมิติแบบแบน ๆ ตอนนี้เปลี่ยนแปลงยังไงบ้างคะ ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
จริง ๆ งานศิลปะพอมาถึงยุคนี้ศิลปินแต่ละคนจะทำงานด้วยแนวความคิดที่เป็นปัจเจกของตัวเอง เรื่องมิติที่ผมว่าบางคนเขาอาจจะไม่เน้น มันขึ้นอยู่กับงานที่เขาจะสื่อสาร เขาไม่ได้สื่อสารเรื่องความลึกของอารมณ์ แต่งานในส่วนของผมมันจำเป็นที่จะต้องสื่อสารเรื่องความลึก เพราะจะต้องอธิบายความเป็นคน มิติที่ซับซ้อนของคน มิติของอารมณ์ มิติต่าง ๆ ที่ว่ามาในงานจะแทนค่าตรงนี้ด้วย เพราะฉะนั้นจะต้องมีเรื่องนี้เข้ามาเกี่ยวข้องครับ
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
ขออนุญาตถามในฐานะคนที่ไม่มีความรู้เรื่องศิลปะนะคะ มิติที่ว่านี้ทำให้เรารู้สึกว่าจับต้องได้จริงสัมผัสได้จริงจากการมองเห็น แบบนี้มันเหมือนกับที่พี่เพลิงเพิ่งพูดไปว่าเป็นมิติความของอารมณ์ไหมคะ ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
เหมือนกันครับ เพราะงานศิลปะเป็นการสื่อความหมายด้วยภาพ บางทีเขาอาจจะไม่ได้สร้างงานศิลปะที่มีมิติเหมือนผม เพราะเขาไม่ได้สื่อสารเรื่องนี้ ศิลปินที่ทำงานจะมีแนวทางของตัวเอง ในสิ่งที่เขาอยากจะสื่อสารกับคนดู บางคนอาจจะเขียนงานแบบเด็ก ๆ วาดเลยก็ได้ แต่เขาจะมีคอนเซ็ปต์ ตัวคอนเซ็ปต์นี้แหละจะเป็นตัวกำหนดว่าศิลปินจะเอาอะไรมาใช้เพื่ออะไร ไม่ใช่ว่าจะมุ่งไปที่มิติอย่างเดียวก็ไม่ใช่นะครับ มันต้องขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่เขาจะแสดงออกให้คนดูได้รู้ งานศิลปะมันสำคัญที่ตรงนั้นครับ
Diary On Tour
งานศิลปะแต่ละชิ้นจะต้องมีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป ไม่ใช่อยากจะทำอะไรก็ทำแบบนี้ไหมคะ ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ใช่ครับ งานศิลปะทางฝั่งตะวันตก อย่างพวก Expression ก็จะฟาดสีฟาดอะไรไปโดยจะเน้นความสำคัญของ Action ก็เป็นคอนเซ็ปต์ในส่วนของเขา แต่เนื่องจากผมเป็นคนตะวันออกก็จะถือคติตะวันออก มีประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ เกี่ยวกับธรรมชาติที่ลึกซึ้ง เกี่ยวกับลัทธิเต๋า เกี่ยวกับศาสนาพุทธ ซึ่งเรามีความเป็นมาของเรา ในสมัยก่อนงานศิลปะของเราจะเขียนงานขึ้นมาเพื่อรับใช้พระพุทธศาสนา แต่ในปัจจุบันจะเขียนงานขึ้นมาเพื่อรับใช้ปัจเจกชน ของศิลปินแต่ละท่านเลย เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวที่่ศิลปินรู้สึกออกมา ไม่ได้ไปอิงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า หรือรับใช้พระพุทธศาสนาโดยตรง
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
คำว่า "ศิลปิน" ในมุมมองของพี่เพลิงเขามีหน้าที่ทำอะไรคะ ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
หน้าที่ของศิลปินคือผู้ที่เฝ้ามองสังคม ในแต่ละช่วงเวลาของโลก ถ้าจะพูดกันจริง ๆ ศิลปินคือผู้บันทึกเรื่องราวของแต่ละยุคแต่ละสมัยนะ หมายความว่า ความรู้สึกนึกคิดของคนในยุคไหนเนี่ย เราสามารถที่จะมองเห็นได้ในงานศิลปะเลย อย่างที่อิตาลีเขาเรียกว่า ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา (Renaissance) จะมีงานของศิลปินที่โดดเด่นในช่วงนั้น คือ เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo Da vinci), มีเกลันเจโล (Michelangelo) และ ราฟาเอล (Raffaello Sanzio da Urbino) มันแสดงถึงจิตใจของคนในยุคนั้นว่าเขาเป็นยังไง เขามีความเชื่อยังไง เราจะเห็นได้จากงานศิลปะ
Diary On Tour
ที่พี่เพลิงไล่มามีท่านไหนเป็นศิลปินในดวงใจไหมคะ ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ส่วนตัวผมเป็นคนชอบงานแนวคลาสสิคนะ ตอนผมเริ่มรู้จักงานศิลปะใหม่ ๆ ที่ผมชอบมาก ๆ คือ งานของ เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo Da vinci) และงานของ มีเกอันเจโล (Michelangelo) ครับ ฟอร์ม หรือ รูปแบบทางศิลปะที่เขาใช้ถ่ายทอดนั้น มันผ่านการสลักเสลา ผ่านการประดิดประดอย ซึ่งผมว่ามันคล้ายกับศิลปะของไทยนะ เขาเข้าถึงความ Perfect ของสิ่ง ๆ นั้น อย่างสมมุติว่าเรามองเห็นคน ๆ นึง เราจะเขียนคนนี้ออกมายังไงให้สวย นั่นแหละเขาเข้าถึงจุดนั้นได้
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
ถ้าต้องเปรียบในเชิงวิทยาศาสตร์ จะเปรียบเทียบการเข้าถึงแบบนี้ว่ายังไงคะ ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ผมว่าเป็นการเข้าถึงระดับอนุภาคเลยนะ ในทางวิทยาศาสตร์อาจจะบอกว่าเข้าถึงโมเลกุลหรืออะตอม แต่ทางจิตจะเรียกว่าละเอียดถึงขั้นว่าเข้าถึงความเป็นทิพย์เลย
คือมันดีที่สุดแล้วในแต่ละรูปทรงที่เขาถ่ายทอดออกมา ศิลปินจะเป็นคนคัดกรองตรงนั้น
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
อย่างงานของพี่เพลิงเองก็ไม่ธรรมดาเลย ปูติดตามผลงานของพี่เพลิงมา รายละเอียดของเม็ดสีที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมานั้นสะกดสายตามาก ๆ อยากรู้ว่าก่อนที่พี่เพลิงจะทำงานแต่ละครั้งต้องทำสมาธิก่อนไหมคะ ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
(หัวเราะ) คำถามนี้คนถามเยอะมากเลยครับ ผมขออธิบายคำว่าสมาธินะครับ ว่ามันคือจิตที่ตั้งมั่น แบบนี้ครับที่เขาเรียกว่าสมาธิ แล้วตัวที่ก่อให้เกิดสมาธิคนส่วนมากมักจะมองข้ามไป ความสุขนั่นแหละครับคือตัวก่อให้เกิดสมาธิ สมมุติว่าเราทำอะไรสักอย่างแล้วมันเกิดความเพลิน ตัวความเพลินนี่แหละครับ คือ สมาธิ แต่มันอาจจะชั่วคราว ในทางธรรมะเรียกว่า "ขณิกสมาธิ" ไม่ใช่ว่าเราจะไปนั่งสมาธิแล้วมาทำงานนะ แต่เราทำงานจนเกิดความสุข พอมันเกิดความสุขแล้วสมาธิจะตามมา
Diary On Tour
เราอาจจะทำกิจกรรมอะไรสักอย่างที่ทำให้มีความสุขก่อนที่จะเริ่มต้นทำงานแบบนี้ไหมคะ ? แล้วพี่เพลิงมีเคล็ดลับในการสร้างความสุขให้ตัวเองยังไง ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ผมไม่มีเคล็ดลับนะ ถึงแม้ว่าสิ่งที่เราทำเป็นความสุขก็จริง แต่ใครจะไปนั่งเขียนรูปได้ทั้งวันตลอด 24 ชั่วโมงโดยที่ไม่เปลี่ยนไปทำกิจกรรมอย่างอื่นเลย ส่วนตัวผมคิดว่าการได้ทำอย่างอื่น อย่างผมมาออกกำลังกาย มันทำให้เราได้ลืมทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมด พอเวลาเรากลับไปเขียนภาพอีกครั้ง ความรู้สึกที่มีคือความสดใหม่ มีความอยากที่จะทำ
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
แล้วจะประติดประต่ออารมณ์ในการทำงานที่ค้างไว้ยังไงคะ หลังจากที่เราไปทำกิจกรรมอย่างอื่นมาแล้ว เพราะผลงานแต่ละชิ้นคงต้องใช้เวลานานมาก ๆ
เพลิง วัตสาร ศิลปินลุ่มน้ำโข
มันจะมีความอยากรู้ครับ ว่าต่อไปมันจะเป็นยังไง เวลาผมจะเขียนรูปขึ้นมาสักรูปนึงเนี่ยไม่ใช่ว่ามันเสร็จในหัวแล้วนะ แต่มันคือการค้นหาว่ารูปที่เราเขียนเนี่ย ความพอดีมันอยู่ตรงไหน และมันคือหน้าที่ของผมในการค้นหาความพอดีนั้นครับ การวาดรูปมันก็เหมือนการเดินทาง เหมือนการผจญภัยเลย ตัวผมเองไม่รู้หรอกว่าเวลาขีดเส้นตรงนี้ไปมันจะสวยหรือไม่สวย บางทีขีดเส้นไปก็ถามตัวเองไปว่าดีหรือไม่ดี ลากเส้นไปทางนี้ถูกทางไหม ขีดเขียนไปลบไปจนกว่าจะเจอความพอดี มันเหมือนกับว่าเราต้องค้นหาอยู่ตลอด ก็ทำให้เราสนุกกับการทำงานครับ
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
อย่างคนที่เขาผลิตรายการหรือผลิตละครออกมาสักเรื่องเนี่ยเขาต้องรู้นะคะว่า ตอนเริ่มต้นเป็นยังไง ช่วงตอนกลางเป็นยังไง และต้องมีตอนจบยังไง อันนี้เขามีคอนเซ็ปต์ของเขา แต่ที่พี่เพลิงเล่าหลักการทำงานของพี่เพลิงนี่แตกต่างกันเลย ไม่มีอะไรเหมือนสักนิดเหรอคะ อย่างเช่นว่า รู้ว่าตอนจบงานจะออกมาเป็นยังไง แต่ระหว่างที่ทำงานก็ขอให้ได้ผจญภัยหน่อยเถอะ เป็นแบบนี้ไหมคะ
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
สำหรับผมตอนที่เริ่มงานจะมีภาพร่างในหัวคร่าว ๆ ก่อนครับ ย้ำนะครับว่าเป็นภาพร่างคร่าว ๆ เท่านั้น แล้วก็จะมาค้นหากันในตอนทำงานอีกที สเก็ตภาพร่างของผมไม่นิยมทำให้มันสมบูรณ์นะ ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมทำภาพร่างออกมาเหมือนงานจริงเป๊ะเลย ผมจะจบตรงนั้นเลยครับ ไม่สามารถที่จะเขียนงานต่อได้อีก
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
อารมณ์แบบนี้ศิลปินท่านอื่นเป็นไหมคะ หรือเป็นเฉพาะบุคคล
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
เป็นเฉพาะบุคคลครับ อย่างผมคิดจะเขียนภาพเล็ก ๆ ขี้นมา แล้วอยากขยายเป็นภาพใหญ่ ๆ พอทำไปทำมาเสร็จแล้วก็จบเลยครับเพราะมันเสร็จแล้ว ไม่มีอะไรให้ค้นหาในงานอีกแล้ว จะจ้างทำงานเท่าไหร่ก็ไม่มีความสนุกกับการทำงานแล้วครับ
Diary On Tour
พี่เพลิงทำงานศิลปะมามากมายหลายชิ้นด้วยกัน ไม่ทราบว่าเริ่มทำมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ผมเริ่มมีรายได้จากการเขียนการ์ตูนมาตั้งแต่อยู่ ม. 2 แล้วครับ แต่ก็ยังไม่ได้นับว่าเป็นศิลปินอาชีพ ผมถือว่าเป็นการฝึกมือ
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
พี่เพลิงกำลังบอกเราว่าตอนอยู่ ม. 2 มีผลงานของตัวเองแล้ว น่าทึ่งมาก ๆ แล้วมีผลงานอะไรบ้างคะ
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ใช่ครับ ผมหาเริ่มหาเงินเองได้ตั้งแต่ขีดเขียนเป็นเลย เพราะทางบ้านก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร โชคดีที่ผมมีโอกาสได้เจอนักเขียนการ์ตูนท่านนึงที่เป็นคนแถวบ้าน เขาเป็นคนแนะนำครับ สำหรับผลงานที่ออกมาช่วงนั้นก็มี มดเอ็กซ์ ซูเปอร์วัน
Diary On Tour
อันนั้นคือจุดเริ่มต้นการก้าวเข้ามาอยู่เส้นทางของศิลปินเลย ช่วงนั้นพี่เพลิงรู้สึกว่าชอบงานเขียนภาพรึยังคะ หรือทำเพราะอยากหารายได้อย่างเดียว
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
มีความชอบเป็นเบื้องต้นครับ แล้วยิ่งความชอบของเรามันสร้างรายได้ได้ด้วย ทุกอย่างก็ลงตัวเลย
Diary On Tour
ถ้ามองย้อนกลับไปรูปแบบงานของพี่เพลิงมีอะไรแตกต่างกันบ้างคะ และเคยคิดไหมคะว่าตัวเองจะมานั่งเขียนภาพบนผืนผ้า canvas แทนที่จะทำงานออกแบบอยู่หน้าจอคอม
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ตั้งแต่ตอนที่ผมเริ่มเขียนรูปจนถึง ม. 6 ผมก็เริ่มตั้งคำถามให้กับชีวิตตัวเองแล้วว่า ปลายทางศิลปะเนี่ย เราจะเป็นแค่นักเขียนต้นฉบับส่งสำนักพิมพ์แล้วก็ได้เงินเหรอ มีแค่นี้เองเหรอ ผมถามตัวเอง หรือว่ามันจะมีอะไรมากกว่านั้น เมื่อก่อนยังไม่มีโลกโซเซียลที่ให้ความสะดวกสบายแบบนี้ ผมเลยไปเข้าห้องสมุดแล้วก็ไปเจอข่าวที่เขาลงประมูลภาพของ วินเซนต์ แวน โก๊ะ (Vincent van Gogh) ที่เป็นดอกทานตะวัน ราคา หนึ่งพันล้านบาท ผมบอกตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น ว่านี่แหละใช่เลย ผมไม่ขอให้ได้เหมือนเขาหรอก รูปละแสนสองแสนผมก็พอใจแล้ว ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้เรียนศิลปะโดยตรงนะครับ ผมเรียนโรงเรียนมัธยมทั่วไป
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
จากวันนั้นมันก็เลยทำให้ผมเปลี่ยนเส้นทางแนวการทำงาน เพราะว่าตอนที่ผมเขียนกาตูนร์งานแบบนั้นเขาเรียกว่า Illustrate ซึ่งเป็นภาพประกอบไม่ใช่ Fine art ผมก็มานั่งค้นหาต่อว่า Fine art มันคืออะไร และผมก็ได้คำตอบมาว่ามันคือ ศิลปะบริสุทธิ์ ที่ไม่ได้ใช้ตัวหนังสืออธิบายความหมายแล้ว แต่จะใช้ความรู้สึกนึกคิดอธิบายด้วยภาพ และสื่อสารกันด้วยใจแทน แบบนี้ครับที่เรียกว่า Fine art และผมก็เริ่มต้นค้นหาและศึกษาเพื่อที่จะได้มาเป็นศิลปินอยู่ในแวดวงของศิลปะบริสุทธิ์ครับ นี่แหละที่เป็นโจทย์ให้ผมตอนนั้น
Diary On Tour
ตั้งแต่อยู่ ม. 6 เลยที่สามารถค้นหาทางเดินของชีวิตตัวเองได้น่าชื่นชมมากค่ะ พี่เพลิงได้นำผลงานออกแสดงโชว์เดี่ยวมาแล้วกี่ครั้งคะ แล้วในแต่ละครั้งแตกต่างกันอย่างไร
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
สำหรับผม ศิลปะ คือ ประสบการณ์ และผมได้แสดงผลงานเดี่ยวมาแล้ว 8 ครั้ง ในแต่ละครั้งก็จะมีแรงบันดาลใจจากสิ่งที่เราพบเห็นมาแล้วนำมาถ่ายทอดเป็นงานที่ต่างกันออกไปครับ งานผมที่ออกมาก็จะออกมาเป็นชุด อย่างแรงบันดาลใจตรงนั้นหมดไปแล้ว ผมก็ต้องออกไปหาแรงบันดาลใจใหม่ ถ้าเราไปรู้สึกกับเรื่องอะไร เราก็จะนำเรื่องนั้นมาขมวดปมเป็นประเด็นในการสร้างสรรค์ผลงาน เพราะฉะนั้นผลงานในแต่ละชุดก็จะแตกต่างกันออกไป แล้วแต่ละชุดผมก็จะทำออกมาประมาณ 30 - 40 ชิ้นครับ ส่วนเวลาในการทำงานก็นาน บางชุดก็ 4 ปี บางชุดก็ 5 ปี
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
ศิลปินคนนึงจะต้องมีความสามารถหรือผลงานมากขนาดไหนคะ จึงจะนำผลงานออกแสดงเดี่ยวได้
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
มันก็แล้วแต่สถานที่ครับ อย่างผมนำผลงานไปแสดงที่ หอศิลป์จามจุรี (Chamchuri Art Gallery) ซึ่งเป็นหอศิลป์ของรัฐบาล โดยจะต้องยื่น Port ผลงานไปก่อน แล้วเขาก็จะคัดเลือกศิลปินที่สามารถนำผลงานไปแสดงโชว์ได้ครับ
Diary On Tour
ยากไหมคะกว่าที่จะเข้าไปแสดงผลงานที่นั่นได้
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ยากนะครับ บางคนใช้เวลาจองไปทั้งชีวิตเลย แต่ก็ยังไม่เคยได้ไปแสดงผลงานที่นั่น สำหรับผมที่เคยแสดงผลงานเดี่ยวที่นั่นรวมแล้วก็ 5 ครั้ง แสดงที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2 ครั้ง และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม 1 ครั้ง รวมที่เคยออกแสดงเดี่ยวที่ผ่านมาทั้งหมดก็ 8 ครั้งครับ
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
เห็นว่าไปแสดงผลงานที่ประเทศเพื่อนบ้านเราด้วย ที่งาน "ศิลปินลุ่มน้ำโขง" ใช่ไหมคะ
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ใช่ครับที่ สปป. ลาว งานนี้เขาก็จะคัดเลือกศิลปินเพื่อนบ้านไปแสดงผลงานร่วมกันสามชาติ มีศิลปินจากประเทศเวียดนาม ศิลปินจากประเทศไทย และศิลปินของ สปป. ลาว เขาก็เลยใช้ชื่อ "ศิลปินลุ่มน้ำโขง" เป็นชื่องานครับ โดยเขาก็จะคัดจากผลงานที่มันตอบโจทย์เรื่องวัฒนธรรมที่เราจะถ่ายทอด มันสื่อถึงกันได้ ความเป็นอยู่ที่กลมเกลียวกันในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงครับ
Diary On Tour
ส่วนมากงานที่พี่เพลงทำออกมาจะเป็นแนวไหนคะ
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ส่วนมากที่ผมทำจะเป็นแนวศิลปะไทยร่วมสมัย และก็แนวกึ่งไทยประเพณีด้วยครับ คือ จะเป็นอะไรที่อยู่ร่วมกันในยุคสมัยนี้ได้ ศิลปะไทยมีการสืบทอดมาหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่สุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ตอนต้น
จนมาถึงปัจจุบันนี้ เราก็เริ่มรับเอาความเชื่อและรูปแบบทางฝั่งตะวันตกเข้ามาด้วย บริบทของงานศิลปะก็มีการปรับปรุงไปด้วย โดยการดึงเอารูปแบบงานของเขาและรูปแบบงานของเราไปผสมกัน มันก็เลยเกิดเป็นรูปแบบผสามผสานกันขึ้นมา
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
เหมือนงานของ Leonardo Da vinci หรือ งานของ Michelangelo ที่เขาสะท้อนสังคมและวัฒนธรรมประเพณีของผู้คนในบ้านเมืองเขาในยุคนั้นออกมา งานของพี่เพลิงถ่ายทอดออกมาในอารมณ์เดียวกันกับศิลปินเหล่านั้นไหมคะ
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
งานของผมเป็นแบบผสมผสานก็จริง ผมนำเอาเฉพาะรูปแบบงานของเขามาปรับใช้กับความเชื่อของเราอีกทีนึง เพี่อให้มีความกลมกลืน สวยงามและทันสมัยขึ้นครับ ส่วนรูปแบบความเชื่อของเขาผมไม่ได้รับเอามาใช้ด้วยนะ เพราะงานของ Da vinci เขาทำรับใช้คริสตจักร
Diary On Tour
มาถึงตรงนี้ผู้อ่านหลายคนคงได้แรงบันดาลใจ อยากจะเริ่มลงมือเขียนภาพสวย ๆ บ้างแล้ว พี่เพลิงมีข้อแนะนำในการเลือกอุปกรณ์ไหมคะ ว่าต้องใช้อะไร ยังไงบ้าง ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ผมว่าใจสำคัญกว่าอุปกรณ์นะ แค่ดินสอกับกระดาษก็ได้ เริ่มต้นจากง่าย ๆ เลยครับ จะเป็นดินสอ 6B หรือ 2B ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อสีน้ำมันหรืออะไรแพง ๆ มาใช้ในการเริ่มต้น จะกลายเป็นว่าเราไปนับเอามาตรฐานที่สูงเกินไป ส่วนตัวผมการเริ่มต้นควรจะเริ่มต้นที่จุดเล็ก ๆ ก่อน พอเราแม่นเรื่องการวาดเส้นแล้ว เราค่อยขยับไปหาสี อาจจะเริ่มที่สีน้ำ เมื่อสีน้ำแม่นแล้วค่อยไปลองสีอะคริลิก สีน้ำมัน แล้วงานประติมากรรมต่อไป ให้มันเป็นไปทีละสเต็ปครับ
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
นอกจากวาดภาพที่สตูตัวเองแล้ว ทราบมาว่าพี่เพลิงยังทำงานเป็นอาสาด้วย
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
งานอาสาส่วนมากผมจะทำงานกับวัดครับ จะช่วยพระสงฆ์ หรือไม่ก็ช่วยทางโรงเรียน เพราะงานที่ผมทำได้แรงบันดาลใจมาจากคติธรรมของศาสนาพุทธ เพราะฉะนั้นก็ต้องบำเพ็ญประโยชน์ให้กับพุทธศาสนา ที่เป็นที่มาของแรงบันดาลใจของเราครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับวาระและโอกาสด้วย ถ้าเราพอช่วยได้ก็ช่วยครับ และที่ช่วยไปก็จะเป็นไปในทิศทางที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัวของใคร อย่างตอนนี้ก็ช่วยกันสร้างอาคารรักษาพระสงฆ์อาพาธที่ อ. นากลาง จ. หนองบัวลำภู เพราะในเขต อ. นากลาง ยังไม่มีตึกที่รักษาพระสงฆ์โดยเฉพาะ ฉะนั้นเวลาพระป่วยก็ต้องรักษาร่วมกับผู้ป่วยทั่วไป
Diary On Tour
แล้วพี่เพลิงเข้าไปช่วยเหลือยังไงคะ
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ผมจัดประมูลผลงานขึ้นมาครับ แล้วก็นำรายได้มาสมทบกับโครงการ มีญาติโยมร่วมกันบริจาคด้วย รวมกันแล้วก็ได้ประมาณ 8 แสนบาท ตอนนี้สร้างใกล้จะเสร็จแล้วครับ
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
แล้วการช่วยเหลือทางโรงเรียนล่ะคะ ปูเห็นว่ามีการรวมกลุ่มของศิลปินด้วยกันเพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนทางด้านศิลปะ
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ตอนที่ผมเป็นเด็กผมขาดโอกาสเรื่องนี้มากเลย เรื่องของการส่งเสริมด้านศิลปะเนี่ย พอเราเติบโตพอที่จะช่วยเหลือสังคมได้ เราก็คิดว่าคงจะมีเด็กที่มีความคิดเหมือนเรา ที่เขาไฝ่ฝัน ว่าอยากจะเป็นนักวาดรูป และอาจจะขาดโอกาส ผมก็เลยได้คุยกับเพื่อน ๆ ศิลปินด้วยกัน ว่าเราน่าจะทำอะไรสักอย่างนึง เพื่อเป็นการให้กำลังใจเด็ก ๆ ที่เขามีความไฝ่ฝันว่าอยากจะเดินตามเส้นทางของเรา ถึงเราจะช่วยเขาได้ไม่มาก แต่เราก็ทำให้เขารู้สึกว่ามีคนให้ความสำคัญเขาอยู่ เป็นการต่อลมหายใจให้เขา บางทีคนที่เขาไม่มีโอกาสมันก็ไม่มีจริง ๆ นะ
Diary On Tour
เรื่องจริงที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครอบครัวยังมีแนวคิดแบบนี้ แล้วมีคำถามขึ้นมา คนที่ตัดสินใจเป็นศิลปินจริง ๆ จะหาเงินได้ไหม เลยกลายเป็นว่าไม่อยากสนับสนันให้เรียนและทำอาชีพนี้
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ความคิดแบบนี้ยังมีอยู่เยอะครับ สังคมศิลปะบ้านเรายังไม่เหมือนทางยุโรปนะ คือ สถานะของศิลปินที่นี่ก็เหมือนกับ อืม.. อารมณ์เหมือนในหนังคาวบอย พวกนอกกฏหมายอะไรประมาณนี้ครับ (หัวเราะ)
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
แล้วศิลปินแต่ละท่านมาจากไหนบ้างคะ ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
เป็นพี่ ๆ น้อง ๆ ที่เรียนมาด้วยกันครับ บางคนก็เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย บางคนก็เป็นอาจารย์ประถม อาจารย์มัธยม ในละแวกจังหวัดใกล้เคียง เรามารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้คนได้เข้าใจในสถานะของคนทำงานศิลปะมากขึ้น ว่าคนทำงานศิลปะสามารถช่วยเหลือสังคมได้ ไม่ใช่ภาพที่บางคนอาจจะมองว่าต้องผมยาว กินเหล้าเมายา หรือ สำมะเลเทเมา เพื่อให้คนเรียกและเข้าใจว่านี่แหละศิลปิน แบบนี้ไม่ใช่ครับ แต่คำว่า "ศิลปิน" ของพวกเรามันจะต้องดีงาม และช่วยเหลือสังคมได้
Diary On Tour
บนเส้นทางศิลปินมีใครหรืออะไรที่กำหนดให้เราว่าเราคือศิลปินแล้วคะ ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
สำหรับผมนะ ถ้ามองแบบมุมกว้าง ๆ ศาสตร์ทุกแขนงในโลกนี้มันมีที่มาที่ไปของมัน อย่างคณิตศาสตร์ มันสามารถระบุได้ด้วยจำนวน วิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์มีไว้สำหรับพัฒนาสังคมมนุษย์ให้ไปสู่สังคมที่ดีกว่า เขาใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ ส่วนศิลปศาสตร์เป็นสิ่งที่มีขึ้นเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณของมนุษย์ อันนี้โดยหลักการนะครับ
ส่วนตัวที่จะชี้วัดว่าเราเป็นศิลปิน คือ การแสดงทัศนะบางอย่างด้วยเสียงดนตรี ด้วยการวาดรูป การปั้นรูป รวมไปถึงวรรณกรรม โดยการแสดงออกและนำเสนออย่างมีชั้นเชิงด้วยจิตวิญญาณของเราสู่สังคม ไม่ใช่พูดแบบห้วน ๆ ด้วน ๆ ไปเลย แบบนี้เรียกว่าไม่มีศิลปะ เพราะไม่สามารถเข้าถึงจิตใจคนได้
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
เพราะฉะนั้นการที่จะเขียนวรรณกรรม ร้องเพลง หรือว่าทำผลงานทางศิลปะที่สวย ๆ เนี่ยมันจึงเป็นกุศโลบายที่จะทำให้คนเข้ามาซึมซาบสิ่งพวกนี้เข้าไปในใจเขา แล้วสิ่งที่จะยืนยันว่าเราเป็นศิลปินได้นั้น คือ เราสามารถที่จะทำสิ่งนี้แล้วก็สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยไม่ต้องไปทำอาชีพเสริม ใน 24 ชม. ของเราสามารถดูแลตัวเองและช่วยเหลือสังคมได้ ด้วยเสียงดนตรี ด้วยศิลปะ ด้วยวรรณกรรมที่เราทำอยู่ อันนี้แหละน่าจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าคน ๆ นั้น คือ ศิลปิน
Diary On Tour
การที่เรามีความสุขในการใช้ชีวิต ถือว่าเป็นศิลปะไหมคะ อย่างที่พี่เพลิงเคยพูดว่า ศิลปะที่แท้จริง คือ ศิลปะการใช้ชีวิต
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ผมมองว่าศิลปะที่แท้จริงมันอาจจะไม่ใช่รูปวาดสวย ๆ ไปประดับผนังอะไรแบบนี้นะ แต่คือคนที่รู้วิธีในการใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขได้ โดยที่นำความรู้ทางศิลปะประกอบเข้าไปด้วย ประมาณว่าศิลปะไม่ได้หายไปจากชีวิตของเรา มันอยู่กับเราตลอด แล้วมันก็ทำให้เรามีความสุขในชีวิตได้ด้วย ที่ต้องพูดแบบนี้เพราะบางคนที่เรียนศิลปะมาแล้ว แต่ไปอยู่ในสังคมแล้วมันอยู่ไม่ได้ สังคมเขาแอนตี้ เพราะเขาอาจจะมองว่าคุณไม่ใช่ข้าราชการ คุณไม่มีรถราโก้หรู มันมีนะที่สังคมมองกันที่วัตถุ แต่ถ้าคนที่เขาใช้ชีวิตเป็น เขาจะต้องมีการปรับมุมมองให้คนอื่นเข้าใจเขาได้ หรือถ้าเราดีจริงแทบจะไม่ต้องปรับอะไรเลย คนเขาจะหันมามองเอง
เพราะฉะนั้นการรู้จักมีสัมมาคาราวะ พูดจาน่าฟัง แล้วมีน้ำใจช่วยเหลือเกื้อกูลต่อคนอื่นบ้าง อันนี้มันเป็นเสน่ห์ของคนนะ ประกอบกับเรามีฝีมือในการวาดรูป หรือมีความสามารถด้านอื่น ๆ เราก็อยู่ในสังคมอย่างมีความสุขได้ พูดง่าย ๆ คือ การใช้ชีวิตเป็น
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
เหมือนหลักการทางพุทธศาสนาไหมคะ ถ้าเราเข้าถึงธรรมะ หรือธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ผู้คนที่เราอยู่ด้วย ถ้าเราเข้าใจเขา เข้าถึงเขา เราก็สามารถที่จะปรับเปลี่ยนตัวเราเพื่อที่จะสื่อถึงกันได้ เปรียบเหมือนน้ำที่ไม่ว่าจะไปอยู่ภาชนะใดก็อยู่ได้ ปรับเปลี่ยนรูปทรงไปตามภาชนะนั้น ๆ แต่ยังคงความเป็นน้ำอยู่
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ประมาณนั้นครับ เรียกว่าอยู่เป็น รู้จักกาละเทศะครับ
Diary On Tour
ในยุคที่อะไรก็ดูเร่งรีบ ดูวุ่นวาย แถมเทคโยโลยีใหม่ ๆ เข้ามามีบทบาทเยอะขึ้นกับวิถีชีวิตของผู้คน สิ่งเหล่านี้ มีผลกระทบต่อวงการศิลปะบ้างไหมคะ ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ศาสตร์ที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องเหล่านี้เลย หนึ่งในนั้นคือศิลปะครับ เพราะว่างานศิลปะมันจะต้องเป็นงานที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ที่สร้างสรรค์ขึ้นมา เทคโนโลยีไม่สามารถขโมยความเป็นมนุษย์ของเราได้ นั่นก็คืองานศิลปะ
Diary On Tour
ในฐานะศิลปินอยากจะฝากอะไรถึงศิลปินด้วยกันบ้างคะ โดยเฉพาะรุ่นใหม่ ๆ ที่สนใจอยากจะประสบความสำเร็จอย่างพี่เพลิง
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
ไม่มีอะไรมากนะ ในการทำงานศิลปะถ้าคุณรักมันจริง และทำมันด้วยความรักจริง ๆ ไม่ใช่เพื่อเงินเป็นตัวตั้งนะ อันนี้พูดกันตรง ๆ เลย แต่คุณทำมันด้วยความสุข แน่นอนแหละว่าสังคมเขาวิจารณ์เราไปต่าง ๆ นานา มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะยืนระยะได้แค่ไหน ในสิ่งที่คุณรักและชอบมัน ถ้าคุณยืนระยะได้และไม่ทิ้งมัน ก็เหมือนคนตัดเสื้อผ้า อาจจะใช้เวลาตัดนานหน่อยถ้าเราตัดประณีต แต่เมื่อเราตัดเสร็จแล้ว เอามาสวมใส่มันก็จะทำให้เราดูดี
แต่มันขึ้นอยู่กับคุณว่าจะอดทนตัดมันไหม และถ้าในระหว่างนั้นเนี่ยทรัพยากรที่คุณจะใช้ในการตัดมันอาจจะมีไม่มาก อาจจะไม่ดีเท่าไหร่ คุณจะเอาใจใส่กับมันไหมถ้ามันเป็นแบบนั้น แต่ถ้าคุณทำได้ ถ้าคุณพยายาม ถ้าคุณรักในสิ่งที่คุณทำ แม้ว่าช่วงเวลานึงที่คุณต้องลำบาก แต่คุณก็ยืนยันที่จะไปกับมัน
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
เหมือนผมตอนเริ่มต้นเขียนรูปจนถึงตอนนี้เป็นปีที่ 20 พอดีนะครับ เฉพาะที่ทำงานศิลปะเกี่ยวกับ Fine Art โดยตรงเนี่ย 20 ปีพอดี 7 ปีแรกของผมล้มลุกคลุกคลานมาก ผมต้องกินข้าววัดอยู่ตลอด เพื่อมาประทังช่วงที่ผมลำบาก นี่คือส่วนหนึ่งที่ผมต้องตอบแทนวัด และผมก็เชื่อว่าคนจริง ของจริงอยู่ได้เสมอครับ ไม่ว่าจะวงการไหนก็ตาม นักร้องนักดนตรีก็ดีถ้าคุณคือของจริง สักวันนึงมันจะต้องมีคนเห็น ยิ่งโลกสมัยนี้ยิ่งง่ายในการที่จะทำให้คนอื่นเห็นว่าคุณทำอะไร แต่ถ้าคุณทำงานศิลปะเพื่อเงิน เมื่อไหร่มันไม่เกิดเป็นเงินขึ้นมาจากสิ่งที่คุณคาดหวังว่ามันจะเป็น แล้วเมื่อเวลานั้นมาถึง ถ้าจิตใจคุณมันไขว้เขว คิดว่าสิ่งที่ทำมันดำรงชีวิตอยู่ไม่ได้ มันขายไม่ได้ เมื่อไหร่ที่มีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้น ผมว่าคุณไม่เหมาะกับงานศิลปะแล้วล่ะ
เพราะว่าคุณเห็นแค่มูลค่า เลยลืมคุณค่าในตัวเองไปแล้ว คุณเอามูลค่ามาเป็นตัววัดคุณค่าของตัวเอง พูดง่าย ๆ คือ คุณตีความสามารถของคุณเป็นเงิน คุณไม่ได้ตีความสามารถของคุณเป็นสิ่งที่สูงกว่านั้น คือความเป็นคน เกิดความคิดที่ว่ามันขายไม่ได้ ต้องไปทำอย่างอื่น ถ้าเป็นแบบนี้เส้นทางสายนี้ก็ไม่ใช่ทางที่คุณควรจะเดินแล้วครับ
Diary On Tour
แล้วพื้นฐานเบื้องต้นที่คนอยากเป็นศิลปินควรจะมีคืออะไรคะ ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
พื้นฐาน คือ ความพอใจครับ ไม่ใช่ว่ามีฐานะดีแล้วค่อยมาเขียนรูปนะ คือ จะแตกต่างจากนักบวชแค่นิดหน่อย ตรงที่ว่าคุณไม่ต้องไปถือศีลอะไรมากมายเหมือนนักบวช แต่คุณต้องมีความอดทน ความรักในสิ่งที่ทำครับ
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
Diary On Tour
ศิลปินส่วนมากจะมีคติ หรือ คำคมเป็นของตัวเอง พี่เพลิงมีคำคม หรือ คติประจำใจอะไรคะ ?
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
เยอะมากเลยครับ คำว่าคติประจำใจมันจะต้องเกิดขึ้นเฉพาะเรื่อง เช่น คติประจำใจเกี่ยวกับงานศิลปะ เกี่ยวกับการใช้ชีวิต เกี่ยวกับครอบครัว อย่างที่บอกว่าคติแต่ละอย่างจะมีเฉพาะเรื่องไป เยอะมากผมเป็นเจ้าแห่งคำคมครับ (หัวเราะ)
Diary On Tour
แบบนี้ไหมคะศิลปินเขาถึงได้มีความสามารถสร้างผลงานได้เยอะแยะมากมาย เพราะเขาไม่ได้มีแค่คติเดียวมากำหนดชีวิตเขาไว้ทั้งชีวิต
เพลิง วัตสาร ศิลปินไทยร่วมสมัย
สำหรับผมนะ ในเวลาที่เราทำงานศิลปะ เมื่อเรามีความสุขแล้วเกิดเป็นสมาธิ ตัวสมาธินี่แหละที่ทำให้เกิดปัญญาตามมา แล้วขณะที่เราเขียนรูปและแก้ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปเนี่ย มันมีความคิดเป็นล้าน ๆ ความคิดผุดขึ้นมาในขณะที่เราทำงาน ผมขอใช้ว่าเราหลุดเข้าไปในจักรวาลทางความคิดนะครับ เพราะว่ามันเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด สมมุติว่าผมไปเจอปัญหาเรื่องนี้มา ผมก็แค่เขียนรูป แล้วผมก็จะเจอทางออก แล้วทางออกเหล่านี้แหละ คือ คติที่ผมได้มา
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
หลังจากที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่เพลิง เจ้าของผลงานภาพวาดที่วิจิตรงดงามแล้ว ส่วนตัวปูได้ความรู้และข้อคิดเยอะแยะมากมาย อย่างแรกคือเข้าใจศิลปิน และเนื้องานของศิลปินมากขึ้น การใส่ใจรายละเอียดต่าง ๆ แม้แต่กับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็จำเป็น โดยเฉพาะกับผู้คนรอบข้าง เพราะนั่นจะเป็นเสน่ห์ของเราด้วย มันจะทำให้เราเข้าถึงเขาได้ ทำให้เราสามารถที่จะใช้ชีวิตในสังคมของเราได้อย่างมีความสุข
คนแรกเลยที่เราต้องใส่ใจนั่นก็คือตัวเราเอง รู้จักตัวเองให้มาก ใส่ใจตัวเองให้มาก แล้วขยับขยายไปทำความรู้จักกับผู้คนรอบข้าง เริ่มจากครอบครัว ญาติมิตร เพื่อนฝูง ผู้คนในสังคมที่ทำงาน และสังคมอื่น ๆ ตามไป ซึ่งเป็นหลักการคล้ายกับที่พี่เพลิงแนะนำในเรื่องของการเริ่มต้นทำงานศิลปะ คือ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ ก่อน
พี่เพลิงแสดงให้เราเห็นแล้วว่า ความลำบากและปัญหาต่าง ๆ รอบตัว ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อเส้นทางศิลปินของพี่เขาเลย จากเด็กบ้านนอกคนนึงที่เกือบจะไม่ได้เรียนต่อแม้ระดับมัธยมต้น ด้วยความมุ่งมั่น อดทน และรักในงานที่ตัวเองทำ ซื่อสัตย์กับจิตใจของตัวเอง พยายามอย่างไม่ย่อท้อ ความมัธยัสถ์ มีน้อยใช้น้อย ยามไม่มีวัดก็เป็นที่เพิ่งอีกทางให้ได้
ความกตัญญูรู้คุณที่พี่เพลิงมี ก็เป็นอีกตัวอย่างที่น่าชื่นชมและควรเอาเป็นแบบอย่าง ในวันที่ประสบความสำเร็จแล้ว ก็ยังระลึกถึงผู้คน และสถานที่ที่เคยค้ำจุนช่วยเหลือมาตลอด โดยเฉพาะในยามยาก นั่นก็คือครอบครัวอันเป็นที่รักและวัดวา ตลอดจนญาติมิตรพี่เพลิงก็ไม่ได้ละเลย อีกทั้งยังมีน้ำใจหยิบยื่นโอกาสให้เด็ก ๆ ที่อยากเดินในเส้นทางศิลปินแต่ยังขาดโอกาสอีกด้วย โดยการรวมกลุ่มกับพี่ ๆ น้อง ๆ ที่มีอุดมคติเดียวกัน นั่นก็คือ ช่วยเหลือสังคมในฐานะของศิลปิน
เรามีอีกหนึ่งตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในสายอาชีพศิลปินให้เห็นแล้ว น้อง ๆ หนู ๆ หรือผู้อ่านท่านไหนมีกิจกรรมที่ชอบที่รักอยู่แล้ว อยากจะทำให้มันเป็นอาชีพและสร้างรายได้ให้กับเรา เพียงแค่เปิดโอกาสให้กับตัวเอง ไม่ต้องรอโอกาสจากใครหรอก ตั้งใจทำและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด แล้วความสำเร็จก็จะเป็นของเรานะคะ
เอาล่ะค่ะสำหรับผู้อ่านท่านไหนสนใจผลงานของพี่เพลิงสามารถติดตามได้ในรายละเอียดด้านล่างนี้ค่ะ
เฟซบุ๊กส่วนตัว: Ploeng Wattasan
เพจเฟซบุ๊ก: Art Gallery หอศิลป์ เพลิง วัตสาร
line: 0817696824
หรือเดินทางมาเยี่ยมชมที่สตูดิโอ
Art Gallery หอศิลป์ เพลิง วัตสาร
ที่อยู่: เพลิง วัตสาร 203 หมู่ 6 บ.นาคำไฮ ต.นาคำไฮ อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู 39000
(เครดิตภาพจากคุณ เพลิง วัตสาร)
สำหรับวันนี้ปูต้องขอขอบคุณผู้อ่านทุกคนนะคะที่แวะมาติดตามผลงาน หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และให้ข้อคิดกับผู้อ่านเหมือนที่ปูได้ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าขอบคุณและสวัสดีค่ะ
Writer
Diary on tour
~ วัชราภรณ์ ศิริวรรณา ~
#ประสบการณ์
ทำงานโรงแรม งานพิธีกร ผู้ประกาศข่าว ชอบเขียนชอบเล่า เป็นคนสนุกสนานร่าเริง ชอบพบปะผู้คน รักการท่องเที่ยว เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ
ติดตามผลงานอื่น ๆ ของผู้เขียนได้ตามรายละเอียดด้านล่างนี้คะ
ช่องทางการติดต่อ
Email : ngamdokbua99@gmail.com
งดงามมากค่ะ ร่วมสมัยจริง ๆ สัมภาษณ์ได้ดีมาก ๆ เลย เก่งมาก ๆ ค่ะ
ตอบลบขอบคุณพี่ลาล่า จาก Yoga with Lala นะคะ
ลบสุดยอดมากค่ะน้องปู
ตอบลบขอบคุณมากค่ะพี่ตา อีกหนึ่งกำลังใจดี ๆ ของน้อง
ลบ